วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2558

4 สัญญาณเตือนให้หยุดธุรกิจ E-commerce ก่อนจะสาย



เดี๋ยวนี้มีคนทำธุรกิจแบบออนไลน์กันเยอะ ซึ่งก็มีข้อดีต่างๆ และก็มีข้อเสียอยู่เช่นกัน 4 สัญญาณเตือนอะไรที่ควรเตรียมตัวก่อนการเริ่มธุรกิจ หรือไม่ควรปล่อยให้ถลำลึกไปกว่านี้ ลองมาดูกันเลยครับ

สัญญาณสำคัญลำดับที่หนึ่ง... ธุรกิจเริ่มขาดสภาพคล่อง
สภาพคล่องของธุรกิจเปรียบเหมือนน้ำหล่อเลี้ยงกิจการให้เติบโต หากธุรกิจใดขนาดสภาพคล่องนั่นหมายถึงขึ้นล้มละลายได้เลยนะครับ! ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจเล็ก หรือธุรกิจขนาดใหญ่การรักษาสภาพคล่องเป็นเรื่องสำคัญที่จะเพิกเฉยไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจ E-commerce ที่ต้องซื้อมา-ขายไป สัญญาณที่บ่งบอกว่าธุรกิจเริ่มมีปัญหาสภาพคล่องก็คือ สต็อกสินค้าเราเริ่มบวม มีสต็อกมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อาจเป็นเพราะเราบริหารสินค้าไม่ดีทำให้สินค้าล้าสมัยตกค้างในสต็อก หรือเป็นเพราะว่าสภาพเศรษฐกิจไม่ดีขายของได้ยากขึ้น วิธีแก้ไขก็คือ หากเราเริ่มมีปัญหาสภาพคล่อง ควรลดปริมาณสินค้าคงคลังลงบ้าง ปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์เพื่อรักษาธุรกิจเอาไว้ยามเกิดพายุลมแรงนะครับ

สัญญาณสำคัญลำดับที่สอง... คู่แข่งเริ่มมากขึ้น
ธุรกิจ E-commerce มีจุดอ่อนอยู่อย่างหนึ่งที่ค่อนข้างจะสำคัญก็คือ การเข้ามาของคู่แข่งรายใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจประเภทซื้อมา-ขายไป และสินค้าที่ไม่มีแบรนด์เป็นของตัวเอง หรือแบรนด์ยี่ห้อสินค้ายังไม่แข็งแรงมากพอ... ด้วยความง่ายของการทำธุรกิจ E-commerce หากธุรกิจเราดำเนินได้ด้วยดี มีกำไรขั้นต้นสูงๆ ก็มักจะจูงใจให้คนอื่นๆ อยากเข้ามาในธุรกิจของเราบ้าง เมื่อคู่แข่งเริ่มมากขึ้น อาจเกิดสงครามราคา เพื่อแย่งชิงลูกค้า สำหรับ “สงคราราคา” นั้นไม่เป็นผลดีกับผู้ประกอบการอย่างแน่นอน วิธีแก้ก็คือ เราควรเน้นขายสินค้าแบบยั่งยืน ด้วยการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง ควรทำความเข้าใจลูกค้าว่าทำไมจึงเลือกซื้อสินค้าของเรา หมั่นตรวจสอบพฤติกรรมผู้บริโภคบ่อยๆ อย่าประมาทโดยเด็ดขาด ไม่ใช่เรารู้ตัวก็ต่อเมื่อลูกค้าตีจากไปแล้วนะครับ

สัญญาณเตือนลำดับที่สาม... สัญญาณข้อติติงจากลูกค้า
การทำธุรกิจ E-commerce ที่ลูกค้าต้องซื้อสินค้าโดยไม่ได้จับต้องสินค้าจริงๆ แถมยังต้องโอนเงินให้กับผู้ขายก่อนได้รับสินค้า แน่นอนที่สุดว่าธุรกิจแบบนี้ต้องอาศัย “ความเชื่อใจ” เป็นหลัก... หากเราเคยสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ เราจะรู้ได้เลยว่า “ระยะเวลาในการรอคอยสินค้า” นั้นมันทรมานขนาดไหน ระยะเวลาการส่งมอบสินค้าแท้ที่จริงแล้วถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง หากเรารับปากลูกค้าแล้วควรส่งให้ตามกำหนดเวลายกเว้นมีเรื่องฉุกเฉิน นอกจากนั้นก็คือ คุณภาพสินค้า การบริการของเรา สิ่งเหล่านี้รวมๆ แล้วคือ ประสบการณ์ในการซื้อสินค้าออนไลน์ หากทำให้ลูกค้าประทับใจ ก็จะเป็นเรื่องง่ายสำหรับการขายสินค้าชิ้นต่อๆ ไป... ในทางกลับกัน หากลูกค้ามีข้อ “ติติง”  แต่เรากลับเมินเฉย ถือเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในยุค Social Media เพราะถ้าเราบริการไม่ดีจริงๆ ข่าวด้านไม่ดีของเราก็จะถูกแพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว สำหรับเจ้าของ E-commerce นั้นไม่ควรละเลยสัญญาณข้อติติงของลูกค้าไม่ว่ากรณีใดๆ นะครับ

สัญญาณเตือนลำดับที่สี่... ตรวจสอบสภาวะเศรษฐกิจ
เมื่อสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ... ผู้คนก็จะเริ่มเข้าสู่โหมด “ประหยัด” สำหรับผู้ประกอบการ E-commerce ควรตรวจสอบภาวะเศรษฐกิจเป็นระยะๆ เพื่อนำมาปรับแผนการประกอบกิจการให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจด้วยนะครับ เพราะหากเศรษฐกิจไม่ดี ขายของได้ยากขึ้น เราก็จะขาดสภาพคล่อง สินค้าคงคลังหากเราสั่งไว้มากจนเกินไปก็จะค้างสต็อก และจะส่งผลตามมาอีกมากมาย... อย่างไรก็ตาม การปรับกิจกรรมการขายของของเราสามารถทำได้ด้วยการนำเสนอโปรโมชั่นใหม่ๆ ที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงความ “คุ้มค่า” ในการซื้อสินค้าของเราในยามเศรษฐกิจไม่ดี ว่าที่จริงช่วงเวลาที่เศรษฐกิจไม่ดีอาจเป็นช่วงเวลาทองของคนที่เตรียมพร้อม เพราะคู่แข่งการค้าที่ไม่ปรับตัวอาจจะล้มหายตายจากไป และเมื่อเศรษฐกิจกลับมาดีอีกครั้ง ผู้อยู่รอดก็จะประสบความสำเร็จได้ในระยะยาวในที่สุดครับ

ผู้ประกอบการที่ดีควรหมั่นตรวจสอบสัญญาณทั้งสี่ประการสำหรับคนทำธุรกิจ E-commerce ด้วยความไม่ประมาท... ลองปรับไปใช้กันดูนะครับ


อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.krungsri.com

วันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

อาชีพรับจ้างล้างตู้ปลา เงินทองมีอยู่ทั่วไป ขอเพียงแค่คุณตั้งใจหา

วันนี้ผมเพิ่งจะได้รู้จักกับอาชีพหนึ่งครับ ที่น่าจะนำมาเป็นตัวอย่างที่ดีได้ ของการมองหาความต้องการของคนปัจจุบันและสร้างบริการและสินค้าขึ้นมาตอบสนองความต้องการ และทำเงินทำทองได้มากอย่างไม่น่าเชื่อ เป็นธุรกิจส่วนตัว ลงทุนน้อย อีกอย่างหนึ่งที่น่าสนใจมากๆครับ


เหตุเกิดจากเมื่อไม่กี่วันมานี้ ตู้ปลาที่บ้านผมเกิดโรคระบาดหรืออย่างไรไม่ทราบครับ ปลามันค่อยๆตายไปทีละตัว ทั้งผมและคนในครอบครัวนั้นยุ่งจนไม่ค่อยได้เปลี่ยนน้ำตู้ปลากันเลย รู้ตัวอีกทีมันก็เสียชีวิตเสียแล้ว คาดว่าจะเกิดจากการที่ไม่ค่อยได้เปลี่ยนน้ำตู้ปลาแน่ๆ แต่จนแล้วจนรอด เราก็ยังหาเวลามาเปลี่ยนน้ำตู้ปลาไม่ได้ และเราก็ไม่อยากจะเลิกเลี้ยงด้วยครับ เพราะมันสวยและก็เป็นความเชื่อเกี่ยวกับฮวงจุ้ย ที่การเลี้ยงปลาจะนำความสุข ความเจริญเข้ามาในบ้าน ขณะที่เรากำลังคิดว่าจะเลิก หรือจะเลี้ยงต่อกันอยู่นั้น พี่สาวผมจึงเกิดความคิดที่จะลองจ้างมืออาชีพมาช่วยทำ



ปรากฎว่าพอเราเริ่มหาก็เริ่มพบ "มืออาชีพ" ที่รับจ้างล้างตู้ปลา อย่างจริงจัง มีทีมงาน มีน้ำยาเฉพาะ เรียกมาล้างที่บ้านได้ ไม่เคยคิดเลยครับว่า แม้แต่การล้างตู้ปลาที่ดูเหมือนทำเองได้ และผมเชื่อว่าในอดีตนั้นบ้านใครเลี้ยงปลาก็เปลี่ยนน้ำทำกันเอง ทั้งนั้น หรืออย่างมากก็ให้คนงานทำให้ แต่เมื่อวงจรชีวิตเปลี่ยนไป คนเริ่มมีเวลาน้อยลงเรื่อยๆ วันหยุดก็มีค่ามากขึ้นและอยากจะไปเที่ยวไปพักผ่อนมากกว่า ใครจะมานั่งเหนื่อยล้างตู้ปลา แถมเวลาจ้างมืออาชีพมาแล้ว มันรวดเร็ว ล้างสะอาดดูมีเครื่องไม้เครื่องมือ ไม่แปลกหรอกครับ ที่จะมีคนลองจ้าง และถ้าจ้างแล้วติดใจ ก็คงจะจ้างเป็นลูกค้าประจำ รับล้างตู้ปลาได้ไม่ยาก ใครคิดจะทำก็สามารถปั้นเป็นธุรกิจส่วนตัวกันได้เลยทีเดียวนะครับ



ผมคงไม่ลงรายละเอียดเจาะลึกไปในธุรกิจนี้นะครับ เพราะไม่ใช่เซียนเลี้ยงปลา (ไม่งั้นคงไม่ตายยกฝูงแบบนี้ เฮ้อ พูดแล้วน่าสงสาร) แต่ที่ยกตัวอย่างมาเพื่อจะบอกว่า คนที่คิดว่า "ธุรกิจส่วนตัว ทำยาก" หรือ "ถ้ามีอะไรที่มันทำได้ เขาก็ทำไปหมดแล้ว" ไม่จริงครับ มองไปรอบๆ คุณจะเห็นความต้องการใหม่ๆเต็มไปหมด ศึกษาและจับให้มั่น อย่าปล่อย รับรอง ความร่ำรวย และความฝันที่จะทำธุรกิจส่วนตัวของคุณไม่หนีหายไปไหนแน่นอนครับ

วันอังคารที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

แนะนำอาชีพแปลกๆทำได้ ธุรกิจส่วนตัว ลงทุนน้อย รับเขียนบทความ SEO

วันนี้ีมีตัวอย่างอาชีพที่หลายคนที่ไม่ได้อยู่ในวงการอาจจะเรียกว่าแปลกครับ แต่เป็นตัวอย่างที่ดีมาก สำหรับคนที่อยากมีธุรกิจส่วนตัวในการมองหาความต้องการใหม่ๆในสังคม แล้วตอบสนองต่อความต้องการนั้นๆ ให้ได้ แค่นี้ก็จะมีคนเอาเงินเอาทองมาให้เรามากมายแล้วครับ เรื่องมันเริ่มจากว่า ผมหาข้อมูลเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ ทางเครื่องมือค้นหา (Search Engine Optimization/SEO) เพื่อเป็นความรู้ในวันก่อน แล้วก็ได้พบกับบริการแบบใหม่ครับ ที่ตอนนี้เริ่มมีผู้รับทำกันเป็นเรื่องเป็นราวมากขึ้น ก็คือ บริการรับเขียนบทความ SEO ถามว่าบริการนี้คืออะไร ต้องทราบที่มาก่อนนะครับ

ที่มาของบริการรับเขียนบทความ SEO

ในปัจจุบันนั้นการวิธีการหนึ่งที่จะทำให้เว็บตัวเองมีอันดับดีใน search engine ได้พัฒนามาถึงการที่คุณต้องมีบทความดีๆจำนวนมาก ในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ของคุณ และเว็บอื่นๆ และทำการเชื่อมโยงเข้ามาหาเว็บไซต์ของคุณ ยิ่งมีบทความที่เนื้อหาดีเท่าไหร่ แม่นมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้เว็บไซต์ของคุณดูน่าเชื่่อถือมากขึ้นเท่านั้น แต่ในฐานะของเจ้าของเว็บไซต์ หรือเจ้าของกิจการที่คุณมีหน้าที่ต้องดูแลกิจการมากมาย ซื้อของ ขายของ ส่งของ หาลูกค้า ตามงาน ตามเงิน อื่นๆ ใครล่ะ จะมีเวลามานั่งเขียนบทความมากมาย ทุกวันๆ แต่บทความพวกนี้ ก็เป็นสิ่งจำเป็นเสียด้วยสิ แล้วจะทำอย่างไรดี ดังนั้นจึงมีคนที่จัดตั้งบริการ รับเขียนบทความ SEO ขึ้นมา เพื่อตอบสนองความต้องการตรงนี้ครับ



ธุรกิจรับเขียนบทความ SEO มีข้อดีอย่างไร

ในส่วนตัวของผมครั้งแรกที่เห็นบริการแบบนี้ แล้วก็รู้สึกชื่นชมนะครับว่า เออ ช่างสรรหาบริการมาตอบสนองผู้ใช้ได้ดีมาก เหมือนบริการเพิ่ม like facebook ก็เหมือนกัน คิดกันได้นะครับ ข้อดีของบริการนี้ ก็คือ ลงทุนน้อย ถึงน้อยมากครับ เหมือนทฤษฏีที่ผมบอกไว้ตอนต้นก็คือ ถ้าทุนน้อย ต้องลงแรงมากไว้ก่อน เหมาะมากครับสำหรับ start up ที่จะสะสมทุนทั้งหลาย เพื่อต่อยอดไปสู่ฝันของคุณในอนาคต และคุณอาจต่อยอดไปสู่บริการที่ใกล้เคียงกัน เขียนบทความวิชาการ เขียนบทความ review สินค้า หรือ เขียนบทความอื่นๆ ที่ัยังมีบางมุมของตลาดต้องการบริการดีๆ เหล่านี้อีกมากนะครับ


ที่สำคัญตลาดของบริการแบบนี้ น่าจะกำลังขยายตัว เพราะหลักการเีขียนบทความคุณภาพนี้ เป็นหลักการที่น่าจะได้รับการยอมรับจาก search engine ตัวพ่อ อย่าง google ไปอีกนานแสนนาน คือตราบใด ที่คุณมีบทความคุณภาพ เว็บของคุณก็จะได้รับการยอมรับจาก Google นั่นเองครับ และบริการรับเขียนบทความ SEO นี้ก็น่าจะเติบโตไปพร้อมๆกับการเติบโตของ การประชาสัมพันธ์ธุรกิจ online ด้วย ไ่ม่ใช่ลมเพลมพัด มาไวไปไว เหมือนขายขนมปังบางเจ้า


ผมไม่ได้บอกให้ทุกคนไปนั่งทำอาชีพนี้นะครับ เลิกนะครับ นิสัยแห่เลียนแบบ จนพังกันทัั้้งวงการ แต่สิ่งที่ต้องการก็คือ เชื่อผมเถอะครับ ด้วยสังคมที่ซับซ้อนขึ้น ความต้องการของมนุษย์ก็มีหลากหลาย และซับซ้อนขึ้นด้วยเช่นกัน เพียงคุณเป็นคนช่างสังเกตมองหาสิ่งรอบตัว หาความต้องการที่ขาดหายไปรอบตัว และตั้งคำถามกับตัวเองบ่อยๆ คุณอาจพบขุมทรัพย์เ้ข้าสักวันก็ได้ เหมือนธุรกิจรับเขียนบทความ SEO ที่ยกตัวอย่างมาให้นั่นเองครับ

ธุรกิจขายตรง มีอะไรบ้าง คืออะไร หลอกลวงหรือเปล่า รวยจริงหรือ

วันนี้อยากจะเอ่ยถึงทางออกอีกทางหนึ่ง ที่พนักงานประจำนิยมใช้กันมาก เป็นความหวังว่าสักวันหนึ่งจะลาออกจากงานประจำมามีธุรกิจของตัวเองได้ ต้องขอบอกตรงนี้ก่อนนะครับว่า ผมไม่ได้ทำอาชีพใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจขายตรง แต่ด้วยประสบการณ์ที่วนเวียนอยู่กับธุรกิจหลายประเภท จึงอยากจะแนะนำให้คุณรู้จักโดยให้คิดนะครับว่า ธุรกิจขายตรง ก็คือ ธุรกิจอีกประเภทหนึ่งนั่นเอง ผมจะตอบคำถามยอดฮิตคาใจของใครหลายคนที่ว่า ธุรกิจขายตรง หลอกลวงหรือเปล่า, ธุรกิจขายตรง มีอะไรบ้าง และ สุดท้าย ธุรกิจขายตรง รวยจริงหรือ?

ธุรกิจขายตรง หลอกลวงหรือเปล่า

หลายท่านหลงเข้าไปในวังวนของธุรกิจที่เขาบอกว่าเป็นธุรกิจขายตรง แล้วดีใจ เอ๊ะตัวนี้ทำง่ายกว่าตัวใหญ่ๆดังๆ ที่เขาทำกันเยอะเลย เสียค่าสมัครสมาชิกไปอะไรไป ปรากฎบริษัทที่ทำ โดนจับ โดนปิด ผิดกฎหมาย อ้าว ฉันก็ขายตรงนิ แล้วอย่างไหนถึงจะเรียกว่า ขายตรงอย่างถูกกฎหมาย หรือขายตรงอย่างผิดกฎหมายกัน

สำหรับคนที่อยากจะรู้ว่า ธุรกิจขายตรงมีอะไรบ้าง ง่ายๆ ลองสังเกตดูนะครับ บริษัทขายตรงที่ถูกกฎหมายนั้น จะมีสินค้า หรือผลิตภัณฑ์ที่เป็นตัวเป็นตนชัดเจน สมเหตุสมผล ส่วนการหาสมาชิกแล้วจริงๆเป็นเรื่องรองนะครับ คุณจะสังเกตได้เลยว่าสินค้าของบริษัทขายตรงที่ประสบความสำเร็จมากนั้น จะเน้นคุณภาพดีด้วยซ้ำนะครับ เมื่อคุณภาพสินค้าดีมาก่อน คนจะไปชวนใครไปอะไรไปมันก็ไปได้อย่างเต็มปากเต็มคำใช่ไหมครับ ตรงข้ามกับธุรกิจที่เขาบอกว่าเป็นขายตรง แต่ผิดกฎหมาย เขาจะเน้นที่การหาสมาชิกอย่างเดียว โดยสินค้านั้นแทบจะไม่เน้นเลย หรือดูไม่สมเหตุสมผล เรียกว่าเอามาเป็นฉากหน้าในการหาสมาชิกเท่านั้น จะไปสมัครกับขายตรงยี่ห้อไหน ใช้จุดนี้สังเกตได้นะครับ

ธุรกิจขายตรง มีอะไรบ้าง

ตามที่บอกไปเลยครับ ถ้าแบ่งประเภทใหญ่ๆว่า ธุรกิจขายตรง มีอะไรบ้าง อยากจะแบ่งเป็น 2 ประเภท ใหญ่ๆตามที่กล่าวมาแล้ว คือธุรกิจขายตรงจริงๆ และ ไม่จริงที่ผิดกฎหมาย ส่วนถ้าจะแบ่งอย่างอื่นนั้น ยากจริงๆครับ บางคนจะแบ่งเป็นธุรกิจขายตรงหลายชั้น ชั้นเีดียว ชั้นครึ่งก็แล้วแต่ แต่จริงๆมันก็แบ่งชัดเจนไม่ได้หรอกครับ เพราะหลากหลายมาก ยิ่งจะให้แบ่งว่ามีกี่บริษัทแล้ว ตอนนี้ผมคิดว่าคงจะหลักพันแล้วครับ ที่ใช้โมเดลการขายตรง มาทำธุรกิจแบบนี้

ธุรกิจขายตรง รวยจริงหรือ

คำตอบง่ายๆชวนหมั่นไส้ก็คือ จริง ครับ แต่เดี๋ยวก่อน (คุ้นๆนะ) ธุรกิจขายตรงก็เหมือนธุรกิจอื่น ทุกประเภทในโลกนี้แหละครับ คือ มีส่วนน้อยที่จะทำแล้วรวย ส่วนมากทำๆไปแล้วก็ไม่รวย และก็เหมือนกับธุรกิจอื่นๆทั่วไปอีก ที่ว่า "คนที่จะประสบความสำเร็จในธุรกิจนั้นๆ ก็คือคนที่ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่าง และพยายามอย่างเต็มที่" แต่ข้อดีของธุรกิจขายตรงที่ทุกคนเข้าใจกันไปก็คือ ไม่ต้องลงทุนเริ่มแรกเยอะ แต่ความจริงกว่าที่คนจะประสบความสำเร็จคงจะหมดเงินกับการลองซื้อของ สมาชิก ฝึกอบรมอะไรไปไม่น้อยเหมือนกัน เพราะฉะนั้น



"การที่จะประสบความสำเร็จในธุรกิจขายตรง ก็ไม่ต่างอะไรกับการประสบความสำเร็จในธุรกิจอื่นนะครับ"

และอีกประการหนึ่งก็คือ คนคิดว่า ธุรกิจขายตรงนั้น เมื่อถึงจุดหนึ่ง จะไม่ต้องทำอะไรเลย มีเงินไหลๆๆเข้ามาเอง ไม่จริงครับ ยังไงคุณก็ต้องดูแล ความเป็นอยู่ลูกทีมคุณอยู่ดี ก็เหมือนกับคุณเป็นเจ้าของธุรกิจใหญ่ๆที่ประสบความสำเร็จนั่นแหละครับ คุณไม่ต้องมานั่งทำอะไรเหนื่อยๆ แต่ก็ต้องบริหารจัดการเหมือนกัน มองธุรกิจขายตรงว่า เป็นธุรกิจประเภทหนึ่งนะครับ แล้วคุณจะไม่มองมันในแง่ลบเกินไป และก็ไม่มองมันในแง่บวกเกินไปเช่นกัน

ถ้าคุณมองว่าคุณเหมาะจริงๆกับการทำอาชีพนี้ และพร้อมที่จะไปกับมันให้สุดจริงๆ ก็ทำไปเถอะครับ แต่ถ้าคุณคิดว่าคุณเหมาะกับการเปิดร้านขายของมากกว่า เหมาะกับการเป็นอาจารย์มากกว่า เหมาะกับการทำสวนมากกว่า ก็อย่าไปทำเลยครับ ขายตรง สุดท้ายแล้ว หากคุณจะเลือกธุรกิจส่วนตัวสักอย่าง เลือกที่คุณถนัดที่สุด มีใจรักและอยู่กับมันได้นานที่สุด พร้อมจะสุขและทุกข์ไปกับมันอย่างถึงที่สุด ดีกว่าครับ ดีที่สุดแล้ว

วันพฤหัสบดีที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เบื่องานประจํา ทําไงดี

"เบื่องานประจำ ทำไงดี"

ถ้าคนทำงานออฟฟิศคนไหน ไม่เคยมีคำถามนี้ เกิดขึ้นในหัวนี้ ผมต้องขอยกย่องจริงๆครับว่า คุณเป็นพนักงานดีเด่นที่บริษัทควรจะรักษาไว้ยิ่งชีพ หรือคุณเป็นคนที่มีทัศนคติที่ดีมากๆในการทำงาน และขอตอบว่าน่าอิจฉามาก ที่คุณไม่เคยเบื่องานประจำ ที่คุณทำเลย และถ้าเกิดคุณจับพลัด จับผลู ผ่านมาเห็นบทความนี้เข้าให้รีบปิด ไปอ่านอย่างอื่นเลยครับ อย่าอ่านให้ตัวเองลังเล หรือหดหู่เป็นอันขาด แต่ว่า ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่มีคำถามเกิดขึ้นในหัวว่า เบื่องานประจํา ทําไงดี บ่อยๆ แล้วล่ะก็ ลองผ่านข้อแนะนำของผมดูนะครับ

สาเหตุที่ผมเขียนบทความนี้ เพราะได้ยินน้องๆ เพื่อนๆที่ทำงานประจำหลายคนมาบ่น ว่า เบื่องานประจำ อยากออกไปทำธุรกิจส่วนตัว โอ้ว ผมได้แต่บอกว่า คุณคิดผิดนะครับ ถ้าอยากจะทำธุรกิจส่วนตัว เพราะว่า เบื่องานประจำนี่ คุณไม่ทราบหรอกนะครับว่า โลกของการทำธุรกิจเองนั้น มันโหดร้ายทารุณกว่าสิ่งที่คุณกำลังได้รับจากการทำงานประจำอยู่ไม่น้อย การที่คุณจะทำธุรกิจส่วนตัว เพราะเบื่องานประจำนั้น ผมจึงไม่เห็นด้วย อยากให้ลองวิธีแก้เบื่อด้านล่างดูก่อน จะตัิดสินใจอะไร



1. ค่อยๆวิเคราะห์สาเหตุที่คุณเบื่องานประจำ - ก่อนที่จะคิดการใหญ่ลาออกมาทำธุรกิจส่วนตัว ลองค่อยๆนั่งลงและพิจารณาดูนะครับว่า อะไรที่ทำให้คุณเบื่อ อะไรในงานประจำที่ทำให้คุณเบื่อ บางคนเบื่อเพื่อนร่วมงาน บางคนเบื่อเจ้านาย บางคนเบื่อเนื้องาน ไม่เหมือนกันนะครับ หรือบางคนอาจจะเบื่อ มันทุกอย่างเลย ก็เป็นไปได้ แต่ในขึ้นตอนนี้ ขอให้่ค่อยๆคิดดูว่า ถ้าสิ่งใดขาดหายไปแล้ว คุณจะมีความสุขในการทำงานประจำที่นี่ขึ้นเป็นอันมาก ซึ่งตรงนี้สำคัญมาก บางคนบอก เบื่อๆๆๆๆ แต่ไม่รู้เบื่ออะไร ถ้าลองมานั่งคิดวิเคราะห์ให้ดีแล้ว จะพบว่า เออ ไอ้สิ่งที่ทำให้เรามีความสุขนี่มันมากมายเลยนะ เพื่อนก็ดี เจ้านายก็ดี แต่ติดที่ต้องนั่งรถไกลไปหน่อยเท่านั้น อะไรทำนองนี้

2. แก้ไขปัญหาให้ตรงจุด -- หลังจากได้คำตอบออกมาแล้ว ว่าคุณเบื่ออะไร ต่อไปก็ต้องแก้ปัญหาครับ ให้ตรงจุด อาทิเช่น ถ้าคุณเบื่อ เพื่อนร่วมงาน ลองมองหาข้อดีในตัวเขา ลองคุยตีสนิทกับเขา ว่าเขาจะดีกับเราได้ไหม หรือเปิดใจคุยกับเขาไปเลย ถึงปัญหาที่เรารู้สึก ถ้าไม่ไหวจริงๆ ขอลองย้ายแผนกได้ไหม คุยกับหัวหน้าดู ถ้าแก้ปัญหาได้ตรงจุดแล้ว เราก็จะไม่ต้องหนีปัญหาโดยการลาออกนะครับ

3. ทำใจ -- ถ้าคุณเป็นคนหนึ่ง ที่กำลังถามตัวเองว่า เบื่องานประจำ ทำไงดี ผมบอกได้เลยนะครับว่า คุณมีเพื่อนอีกเป็นร้อย เป็นพันล้านคนทั่วโลก คุณไม่เดินเดียวดายแน่นอน การที่คุณมีความรู้สึกแบบเดียวกับคนทั้งโลก ก็น่าจะทำให้คุณใจชื้นขึ้นบ้างว่า สิ่งที่คุณเผชิญอยู่มันไม่ได้หนักหนาสาหัสอะไรกว่าคนอื่นหรอก เพียงแต่คุณทำใจให้ได้ แล้วยอมรับมัน ก้าวต่อไป ชีวิตคุณก็จะเป็นสุขได้ไม่ยาก ดีกว่าหนีปัญหาด้วยการลาออกนะครับ

สุดท้ายนี้ผมอยากจะบอกว่า คนที่อยากทำธุรกิจส่วนตัวนั้น อยากให้ทำเพราะอยากมีธุรกิจส่วนตัว หรือมีแรงบันดาลใจอะไรบางอย่าง ที่ไม่ผิดศีลธรรม เช่น อยากรวย อยากมีเบนซ์ อยากเที่ยวรอบโลก อยากมีอิสระ อย่างนี้คุณมีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จในธุรกิจที่คุณทำได้มากกว่า การที่คุณถามตัวเองว่า เบื่องานประจำ ทำไงดี แล้วก็หนีปัญหาลาออกมา โดยคิดว่า ทำธุรกิจส่วนตัวมันสบาย อย่างนี้ถ้าเกิดมันไม่สบายอย่างที่ฝันไว้ คุณจะแย่นะครับ

แต่ถ้าหากว่า คุณมั่นใจว่า คุณอยากจะลาออกจากงานประจำจริงๆ คุณจะไม่ถามตัวเองว่า เบื่องานประจำ ทำไงดี แต่คุณจะเริ่มเปลี่ยนคำถามแล้วครับว่า เบื่องานประจำ ทำอะไรดี การตั้งคำถามสำคัญนะครับ ถ้าคุณเริ่ม ถามคำถามที่สองแล้ว แสดงว่าคุณมาถูก blog แล้วครับ ลองอ่านบทความอื่นๆของผมดู เผื่อจะได้ไอเดียดีๆ ในการทำธุรกิจส่วนตัวมากมาย อย่างที่คุณคาดไม่ถึงจริงๆครับ

วันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ทำธุรกิจส่วนตัว อะำไรดี ทำแล้วรวย ตอนที่ 2: ธุรกิจอาหาร

เคยได้ยินคำพูดทำนองที่บอกว่า "ทำอะไรไม่ได้ไปขายเต้าฮวยดีกว่า" หรือ "อย่างมากก็ไปขายก๋วยเตี๋ยว"  อะไรทำนองนี้หรือเปล่าครับ คำพูดเหล่านี้สะท้อนความจริงและความไม่จริงบางอย่างนะครับ ความจริงประการหนึ่งในสังคมไทยก็คือ การขายอาหารการกินนั้น ทำได้ง่ายมากในประเทศไทย เพราะประเทศไทยของเรา ไม่มีระบบระเบียบอะไรมากมาย จะขายของกิน ก็ตั้งแผง ตั้งรถเข็น ที่ไหนก็ได้ ไม่ต้องขออนุญาตใครๆ อลุ้มอล่วยกันไปตามประสาไทยๆ ทำให้เราเห็นว่ามีหาบเร่ แผงลอยขายอาหารเต็มไปหมด

แต่สิ่งที่คนไทยอาจมองการขายของกินผิดไปหน่อยก็คือ เรามักคิดว่าทำอะไรไม่ได้ก็ไปขายของกิน ซึ่งความจริงแล้ว ธุรกิจอาหารนั้น เป็นธุรกิจที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุดในประเทศไทย ทำเม็ดเงินให้กับคนไทย และทำให้ธุรกิจหมุนเวียนมหาศาลมาก และคนรวยในประเทศไทย ตั้งแต่รวยธรรมดา จนถึงรวยมาก จิ้มหน้าไป ก็ขายของกิน หรือทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอาหารการกินทั้งนั้นนะครับ ตั้งแต่คนขายก๋วยเตี๋ยวที่ขายดีๆ จนถึงเจ้าของภัตตาคาร ร้านอาหารดังต่างๆ คนขายวัตถุดิบที่เกี่ยวข้องกับอาหาร และอื่นๆ ล้วนแล้วแต่สร้างความร่ำรวยขึ้นมาได้ง่ายมาก เพราะหลักการเบื้องต้นของการทำธุรกิจส่วนตัวก็คือ "ตลาด" และ ตลาดของกินนั้นกว้างที่สุดครับ เพราะไม่มีมนุษย์ผู้ใด ไม่กินและกินบ่อยที่สุด บ่อยกว่าซื้อเสื้อผ้า บ่อยกว่าซื้อยารักษาโรค ทุกอย่าง

เพราะฉะนั้น หากคุณจับคู่ข้อดีของธุรกิจอาหารทั้งสองประการ คือ "ทำได้ง่าย" และ "รวยได้ง่าย" ก็เห็นชัดเจนแล้วครับว่า ธุรกิจอาหารนี้ น่าทำขนาดไหน หากคุณอยากเริ่มแล้วล่ะก็ เริ่มได้แทบจะทันที และที่ผมจะเพิ่มข้อดีให้อีกข้อหนึ่งก็คือ "ใช้ทุนน้อย" เมื่อเทียบกับธุรกิจอย่างอื่น

เถ้าแก่น้อย เสี่ยตัน โออิชิ เป็นอย่างไรครับ ของกินทั้งนั้น

ถึงตรงนี้คุณคงตัดสินใจได้แล้วนะครับว่า ความฝันที่จะมีธุรกิจส่วนตัวของคุณไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว ถ้าคุณยังไม่รู้จะทำอะไร ก็ลองเริีมจากธุรกิจอาหารก็ได้ แล้วใช้มันต่อยอดไปหาความฝันอื่นๆของคุณ อย่างที่ใครหลายคนทำสำเร็จมาแล้ว

วันพุธที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ลาออกจากงานประจํา ทําอะไรดี ลองดูไอเดียดีๆมากมายที่นี่

ลาออกจากงานประจํา ทําอะไรดี คำถามยอดฮิต สำหรับคนทำงานประจำทั้งหลาย บางคนไม่มีไอเดียเลยว่าจะทำอะไรรู้แต่ว่าอยากลาออก บางท่านลาออกจากงานประจำมา เพราะเบื่อเหลือเกิน แต่ยังไม่รู้ว่าจะมาทำอะไรดี อันนี้ แอดมินไม่สนับสนุนนะครับ แนะนำให้มีอะไรทำแน่วแน่ก่อนจะลาออกจากงานประจำมาทำธุรกิจส่วนตัว ถ้ายังหาคำตอบ ลองฟังไอเดียของผมดูนะครับ สำหรับคนที่เคยผ่านประสบการณ์มาแล้ว


1. ลาออกจากงานประจำ มาขายของ -- นี่เลยครับอาชีพยอดฮิต ของคนที่ลาออกจากงานประจำ บอกว่าอยากมีอาชีพอิสระ อยากออกมาขายของ อันนี้ลองคิดดูสักนิดนะครับว่า ลาออกจากงานประจำ มาขายของ แล้วอิสระจริงหรือเปล่า บางคนบอกออกไปขายของตลาดนัด บางคนไปเปิดร้านขายของ พอเจอจริงๆแล้ว ไม่อิสระอย่างที่คิด เพราะนั่งขายของ แม้แต่จะไปห้องน้ำยังไปไม่ได้เลย วันไหนจะหยุดงานก็หยุดไม่ได้ เพราะเสียดายตังค์ และไปเช่าที่เขาบางที่ เขาไม่ให้หยุดนะครับ ถ้าปิดร้านนี่โดนปรับนะครับ เพราะมันทำให้สถานที่โดยรวมเขาดูไม่ดี แต่้ข้อดีก็มี เพราะการขายของนั้น เป็นอาชีพที่เป็นสุขใจ เพราะทำเท่าไหร่ ได้เท่านั้น เงินมันเข้ากระเป๋าเนื้อๆตลอดเวลา หรือถ้าคุณจับผัดจับผลูดีๆ วางแผนดีๆ ขายเก่งๆการตลาดดีๆ ก็ลืมตาอ้าปากร่ำรวยกันได้มากมายแล้วนะครับ ดีกว่าเป็นลูกจ้างเขา ที่ทำจนแก่ตายจะมีเงินสะสมไปได้สักเ่ท่าไหร่กันเชียว เหนื่อยเปล่าทั้งชีวิตอยู่ดี ก็แล้วแต่จะคิดนะครับ
ลาออกจากงานประจำ ทำอะไรดี


2. ลาออกจากงานประจำ ทำเกษตร -- นี่ก็หนึ่งในความใฝ่ฝันยอดฮิตของคนทำงานประจำแบบหนึ่ง อยากจะลาออกจากงานประจำไปทำการเกษตร มีสวนเล็กๆ เลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ ปลูกผัก ปลูกหญ้า กินมีชีวิตพออยู่พอกิน พอเพียงไปวันๆ ผมก็เป็นคนหนึ่งล่ะครับ ที่ใฝ่ฝันอย่างนั้น แต่บอกตามตรงยังไม่กล้าแฮะ เพราะความรู้ ความสามารถยังไม่เพียงพอ คงต้องศึกษาอีกนาน ครับ ถ้าใครบอกว่า จะลาออกจากงานประจำ ทำอะไรดี แล้วคิดจะทำการเกษตร นี่ต้องมั่นใจนะครับว่า เรามีความรู้ ความสามารถด้านการเกษตร เพียงพอ ที่จะนำพาตัวเองให้ทำการเกษตรไปรอดได้ ส่วนตัวแล้วแอดมินคิดว่า ยากครับ ลาออกจากงานประจำ ทำเกษตร นั้น ยากกว่า ลาออกจากงานประจำ มาขายของเยอะนะครับ ศึกษาให้ดีก่อน แล้วค่อยลงมือเต็มตัวนะจ๊ะ


เพราะฉะนั้นไม่ว่าคุณกำลังจะวางแผน ลาออกจากงานประจำ ทำอะไรดี หรือไม่ดีอย่างไร หรือคิดจะทำอะไร จำไว้นะครับ จะต้องวางแผนให้รอบคอบ วางหาทางหนีทีไล่ให้ดี เพราะสิ่งที่คุณกำลังจะเจอ มันอาจจะไม่สวยหรู เหมือนอย่างที่คุณคิดก็ได้ คิดเผื่อไว้ทั้งสองด้านก็ดีนะครับ ที่เตือนนี่ไม่ได้บอกว่า ไม่ให้คุณลาออกจากงานประจำ แต่ว่าอยากให้คุณลาออกมาแล้ว มีความสุขจริงๆ ได้ทุกสิ่งทุกอย่าง ตามเป้าหมายที่คุณวางไว้จริงๆนะครับ เพราะแท้จริงแล้ว ความสุขต่างหากเป็นสิ่งที่เราทุกคนต้องการ ความร่ำรวย หรือเงินทอง นั้นเป็นสิ่งที่ คนเราคิดไปเองว่าจะนำพาซึ่งความสุขมาให้ ซึ่งบางครั้ง บางกรณีมันไม่จริงเลยครับ ยิ่งรวย ยิ่งมีภาระผูกพันมาก มีอะไรให้ดูแลมากเป็นเงาตามตัว