เดี๋ยวนี้มีคนทำธุรกิจแบบออนไลน์กันเยอะ
ซึ่งก็มีข้อดีต่างๆ และก็มีข้อเสียอยู่เช่นกัน 4 สัญญาณเตือนอะไรที่ควรเตรียมตัวก่อนการเริ่มธุรกิจ
หรือไม่ควรปล่อยให้ถลำลึกไปกว่านี้ ลองมาดูกันเลยครับ
สัญญาณสำคัญลำดับที่หนึ่ง... ธุรกิจเริ่มขาดสภาพคล่อง
สภาพคล่องของธุรกิจเปรียบเหมือนน้ำหล่อเลี้ยงกิจการให้เติบโต
หากธุรกิจใดขนาดสภาพคล่องนั่นหมายถึงขึ้นล้มละลายได้เลยนะครับ! ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจเล็ก
หรือธุรกิจขนาดใหญ่การรักษาสภาพคล่องเป็นเรื่องสำคัญที่จะเพิกเฉยไม่ได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจ E-commerce ที่ต้องซื้อมา-ขายไป สัญญาณที่บ่งบอกว่าธุรกิจเริ่มมีปัญหาสภาพคล่องก็คือ สต็อกสินค้าเราเริ่มบวม มีสต็อกมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
อาจเป็นเพราะเราบริหารสินค้าไม่ดีทำให้สินค้าล้าสมัยตกค้างในสต็อก
หรือเป็นเพราะว่าสภาพเศรษฐกิจไม่ดีขายของได้ยากขึ้น วิธีแก้ไขก็คือ
หากเราเริ่มมีปัญหาสภาพคล่อง ควรลดปริมาณสินค้าคงคลังลงบ้าง
ปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์เพื่อรักษาธุรกิจเอาไว้ยามเกิดพายุลมแรงนะครับ
สัญญาณสำคัญลำดับที่สอง... คู่แข่งเริ่มมากขึ้น
ธุรกิจ E-commerce มีจุดอ่อนอยู่อย่างหนึ่งที่ค่อนข้างจะสำคัญก็คือ
การเข้ามาของคู่แข่งรายใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจประเภทซื้อมา-ขายไป และสินค้าที่ไม่มีแบรนด์เป็นของตัวเอง
หรือแบรนด์ยี่ห้อสินค้ายังไม่แข็งแรงมากพอ... ด้วยความง่ายของการทำธุรกิจ E-commerce หากธุรกิจเราดำเนินได้ด้วยดี มีกำไรขั้นต้นสูงๆ ก็มักจะจูงใจให้คนอื่นๆ
อยากเข้ามาในธุรกิจของเราบ้าง เมื่อคู่แข่งเริ่มมากขึ้น อาจเกิดสงครามราคา
เพื่อแย่งชิงลูกค้า สำหรับ “สงคราราคา” นั้นไม่เป็นผลดีกับผู้ประกอบการอย่างแน่นอน
วิธีแก้ก็คือ เราควรเน้นขายสินค้าแบบยั่งยืน ด้วยการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง
ควรทำความเข้าใจลูกค้าว่าทำไมจึงเลือกซื้อสินค้าของเรา
หมั่นตรวจสอบพฤติกรรมผู้บริโภคบ่อยๆ อย่าประมาทโดยเด็ดขาด
ไม่ใช่เรารู้ตัวก็ต่อเมื่อลูกค้าตีจากไปแล้วนะครับ
สัญญาณเตือนลำดับที่สาม... สัญญาณข้อติติงจากลูกค้า
การทำธุรกิจ E-commerce ที่ลูกค้าต้องซื้อสินค้าโดยไม่ได้จับต้องสินค้าจริงๆ
แถมยังต้องโอนเงินให้กับผู้ขายก่อนได้รับสินค้า
แน่นอนที่สุดว่าธุรกิจแบบนี้ต้องอาศัย “ความเชื่อใจ” เป็นหลัก...
หากเราเคยสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ เราจะรู้ได้เลยว่า “ระยะเวลาในการรอคอยสินค้า”
นั้นมันทรมานขนาดไหน
ระยะเวลาการส่งมอบสินค้าแท้ที่จริงแล้วถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง
หากเรารับปากลูกค้าแล้วควรส่งให้ตามกำหนดเวลายกเว้นมีเรื่องฉุกเฉิน
นอกจากนั้นก็คือ คุณภาพสินค้า การบริการของเรา สิ่งเหล่านี้รวมๆ แล้วคือ
ประสบการณ์ในการซื้อสินค้าออนไลน์ หากทำให้ลูกค้าประทับใจ
ก็จะเป็นเรื่องง่ายสำหรับการขายสินค้าชิ้นต่อๆ ไป... ในทางกลับกัน หากลูกค้ามีข้อ
“ติติง” แต่เรากลับเมินเฉย
ถือเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในยุค Social Media เพราะถ้าเราบริการไม่ดีจริงๆ
ข่าวด้านไม่ดีของเราก็จะถูกแพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว สำหรับเจ้าของ E-commerce
นั้นไม่ควรละเลยสัญญาณข้อติติงของลูกค้าไม่ว่ากรณีใดๆ
นะครับ
สัญญาณเตือนลำดับที่สี่... ตรวจสอบสภาวะเศรษฐกิจ
เมื่อสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ...
ผู้คนก็จะเริ่มเข้าสู่โหมด “ประหยัด” สำหรับผู้ประกอบการ E-commerce ควรตรวจสอบภาวะเศรษฐกิจเป็นระยะๆ เพื่อนำมาปรับแผนการประกอบกิจการให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจด้วยนะครับ
เพราะหากเศรษฐกิจไม่ดี ขายของได้ยากขึ้น เราก็จะขาดสภาพคล่อง
สินค้าคงคลังหากเราสั่งไว้มากจนเกินไปก็จะค้างสต็อก และจะส่งผลตามมาอีกมากมาย...
อย่างไรก็ตาม การปรับกิจกรรมการขายของของเราสามารถทำได้ด้วยการนำเสนอโปรโมชั่นใหม่ๆ
ที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงความ “คุ้มค่า” ในการซื้อสินค้าของเราในยามเศรษฐกิจไม่ดี
ว่าที่จริงช่วงเวลาที่เศรษฐกิจไม่ดีอาจเป็นช่วงเวลาทองของคนที่เตรียมพร้อม
เพราะคู่แข่งการค้าที่ไม่ปรับตัวอาจจะล้มหายตายจากไป
และเมื่อเศรษฐกิจกลับมาดีอีกครั้ง ผู้อยู่รอดก็จะประสบความสำเร็จได้ในระยะยาวในที่สุดครับ
ผู้ประกอบการที่ดีควรหมั่นตรวจสอบสัญญาณทั้งสี่ประการสำหรับคนทำธุรกิจ
E-commerce ด้วยความไม่ประมาท... ลองปรับไปใช้กันดูนะครับ