เคยได้ยินคำพูดทำนองที่บอกว่า "ทำอะไรไม่ได้ไปขายเต้าฮวยดีกว่า" หรือ "อย่างมากก็ไปขายก๋วยเตี๋ยว" อะไรทำนองนี้หรือเปล่าครับ คำพูดเหล่านี้สะท้อนความจริงและความไม่จริงบางอย่างนะครับ ความจริงประการหนึ่งในสังคมไทยก็คือ การขายอาหารการกินนั้น ทำได้ง่ายมากในประเทศไทย เพราะประเทศไทยของเรา ไม่มีระบบระเบียบอะไรมากมาย จะขายของกิน ก็ตั้งแผง ตั้งรถเข็น ที่ไหนก็ได้ ไม่ต้องขออนุญาตใครๆ อลุ้มอล่วยกันไปตามประสาไทยๆ ทำให้เราเห็นว่ามีหาบเร่ แผงลอยขายอาหารเต็มไปหมด
แต่สิ่งที่คนไทยอาจมองการขายของกินผิดไปหน่อยก็คือ เรามักคิดว่าทำอะไรไม่ได้ก็ไปขายของกิน ซึ่งความจริงแล้ว ธุรกิจอาหารนั้น เป็นธุรกิจที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุดในประเทศไทย ทำเม็ดเงินให้กับคนไทย และทำให้ธุรกิจหมุนเวียนมหาศาลมาก และคนรวยในประเทศไทย ตั้งแต่รวยธรรมดา จนถึงรวยมาก จิ้มหน้าไป ก็ขายของกิน หรือทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอาหารการกินทั้งนั้นนะครับ ตั้งแต่คนขายก๋วยเตี๋ยวที่ขายดีๆ จนถึงเจ้าของภัตตาคาร ร้านอาหารดังต่างๆ คนขายวัตถุดิบที่เกี่ยวข้องกับอาหาร และอื่นๆ ล้วนแล้วแต่สร้างความร่ำรวยขึ้นมาได้ง่ายมาก เพราะหลักการเบื้องต้นของการทำธุรกิจส่วนตัวก็คือ "ตลาด" และ ตลาดของกินนั้นกว้างที่สุดครับ เพราะไม่มีมนุษย์ผู้ใด ไม่กินและกินบ่อยที่สุด บ่อยกว่าซื้อเสื้อผ้า บ่อยกว่าซื้อยารักษาโรค ทุกอย่าง
เพราะฉะนั้น หากคุณจับคู่ข้อดีของธุรกิจอาหารทั้งสองประการ คือ "ทำได้ง่าย" และ "รวยได้ง่าย" ก็เห็นชัดเจนแล้วครับว่า ธุรกิจอาหารนี้ น่าทำขนาดไหน หากคุณอยากเริ่มแล้วล่ะก็ เริ่มได้แทบจะทันที และที่ผมจะเพิ่มข้อดีให้อีกข้อหนึ่งก็คือ "ใช้ทุนน้อย" เมื่อเทียบกับธุรกิจอย่างอื่น
เถ้าแก่น้อย เสี่ยตัน โออิชิ เป็นอย่างไรครับ ของกินทั้งนั้น
ถึงตรงนี้คุณคงตัดสินใจได้แล้วนะครับว่า ความฝันที่จะมีธุรกิจส่วนตัวของคุณไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว ถ้าคุณยังไม่รู้จะทำอะไร ก็ลองเริีมจากธุรกิจอาหารก็ได้ แล้วใช้มันต่อยอดไปหาความฝันอื่นๆของคุณ อย่างที่ใครหลายคนทำสำเร็จมาแล้ว