วันจันทร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2554

ความแตกต่างระหว่างการขยายธุรกิจส่วนตัวกับจับฉ่าย (ตอนที่ 2)

ในตอนที่แล้วเรากล่าวถึงข้อเสียของการสักแต่จะหารายได้เสริม ให้กับธุรกิจโดยไม่คำนึงถึงภาพพจน์โดยรวม หรือรายได้หลักของธุรกิจครับ

ในบทนี้จะขอกล่าวถึง วิธีการขายธุรกิจส่วนตัวที่เป็นการขยายจริงๆ

ประการแรกครับ เราต้องดูความพร้อมของกองทัพหลวงของเราเสียก่อน มีหลายครั้งนะครับ ที่ธุรกิจที่ไม่มีความพร้อมเพียงพอ แต่อยากขยายไปทำธุรกิจอย่างอื่น ทำให้เจ้าของต้องเสียเวลา เสียสมาธิไปดูนู่นที นี่ที สุดท้ายกลายเป็นลงเหวไปหมด ทั้งของใหม่และของเก่า อันนี้ไม่ดีและไม่สนับสนุนอย่างแรง ถ้ายังไม่พร้อม ไม่ต้องรีบรวยครับ เศรษฐกิจพอเพียงใช้ได้อยู่ และเป็นจริงเสมอครับ

ประการต่อมา เมื่อมีความพร้อมแล้ว ให้คิดถึงสิ่งที่เราจะขยายต่อไป อย่างรอบคอบ โดยส่วนมากแล้ว ผมสนับสนุนให้ทำอะไรที่ต่อยอดจากธุรกิจเดิม หรือนำทรัพยากรต่างๆ จากธุรกิจส่วนตัว เดิมๆมาประยุกต์ใช้เพื่อสร้างความได้เปรียบให้ธุรกิจของเราครับ และที่สำคัญต้องวางแผนอย่างมีระเบียบแบบแผน ต้องมีการขยาย มีการเจริญเติบโต เป็นแหล่งรายได้ใหม่ และใหญ่กว่าของเดิมที่เรามีอยู่ ไม่ใช่ทำเพื่อเป็นรายได้เสริมเท่านั้น

ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณเปิดร้านรับพิมพ์นามบัตร โบรชัวร์ แต่อยากทำร้านกาแฟ ก็อาจแบ่งโซน จัดมุมกาแฟ ติดห้องแอร์ มีหนังสือให้อ่าน โซฟาให้นั่งดูสวยงาม ดูดีไปเลย ไม่ใช่เอาซุ้มเล็กๆมาตั้งบังหน้าร้าน อย่างนี้จะดูเหมือนเป็นธุรกิจต่อยอดให้ลูกค้าที่มาอุดหนุนได้ดื่มกาแฟ และปากต่อปากกันไปด้วยว่า ที่นี่เป็น คาเฟ่โรงพิมพ์ หรืออาจกิ๊กเก๋ ทำนามบัตรเป็นที่รองแก้ว เพื่อเพิ่มมูลค่า อะไรประมาณนี้นะครับ

จริงๆแล้วอาจลงทุนเพิ่มขึ้นมาอีกนิดหน่อย แต่ผลตอบลัพธ์ที่ได้นั้น ดูดี คุ้มค่า มีราคาขึ้นมาก ทั้งส่งเสริมธุรกิจเก่า และปลุกปั้นธุรกิจใหม่ไปได้ในตัวครับ

ตอนต่อไปจะเน้นในเรื่องที่บอกว่า จะทราบได้อย่างไรว่าคุณพร้อมที่จะขยายธุรกิจส่วนตัวของคุณครับ