เคยได้ยินคำพูดทำนองที่บอกว่า "ทำอะไรไม่ได้ไปขายเต้าฮวยดีกว่า" หรือ "อย่างมากก็ไปขายก๋วยเตี๋ยว" อะไรทำนองนี้หรือเปล่าครับ คำพูดเหล่านี้สะท้อนความจริงและความไม่จริงบางอย่างนะครับ ความจริงประการหนึ่งในสังคมไทยก็คือ การขายอาหารการกินนั้น ทำได้ง่ายมากในประเทศไทย เพราะประเทศไทยของเรา ไม่มีระบบระเบียบอะไรมากมาย จะขายของกิน ก็ตั้งแผง ตั้งรถเข็น ที่ไหนก็ได้ ไม่ต้องขออนุญาตใครๆ อลุ้มอล่วยกันไปตามประสาไทยๆ ทำให้เราเห็นว่ามีหาบเร่ แผงลอยขายอาหารเต็มไปหมด
แต่สิ่งที่คนไทยอาจมองการขายของกินผิดไปหน่อยก็คือ เรามักคิดว่าทำอะไรไม่ได้ก็ไปขายของกิน ซึ่งความจริงแล้ว ธุรกิจอาหารนั้น เป็นธุรกิจที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุดในประเทศไทย ทำเม็ดเงินให้กับคนไทย และทำให้ธุรกิจหมุนเวียนมหาศาลมาก และคนรวยในประเทศไทย ตั้งแต่รวยธรรมดา จนถึงรวยมาก จิ้มหน้าไป ก็ขายของกิน หรือทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอาหารการกินทั้งนั้นนะครับ ตั้งแต่คนขายก๋วยเตี๋ยวที่ขายดีๆ จนถึงเจ้าของภัตตาคาร ร้านอาหารดังต่างๆ คนขายวัตถุดิบที่เกี่ยวข้องกับอาหาร และอื่นๆ ล้วนแล้วแต่สร้างความร่ำรวยขึ้นมาได้ง่ายมาก เพราะหลักการเบื้องต้นของการทำธุรกิจส่วนตัวก็คือ "ตลาด" และ ตลาดของกินนั้นกว้างที่สุดครับ เพราะไม่มีมนุษย์ผู้ใด ไม่กินและกินบ่อยที่สุด บ่อยกว่าซื้อเสื้อผ้า บ่อยกว่าซื้อยารักษาโรค ทุกอย่าง
เพราะฉะนั้น หากคุณจับคู่ข้อดีของธุรกิจอาหารทั้งสองประการ คือ "ทำได้ง่าย" และ "รวยได้ง่าย" ก็เห็นชัดเจนแล้วครับว่า ธุรกิจอาหารนี้ น่าทำขนาดไหน หากคุณอยากเริ่มแล้วล่ะก็ เริ่มได้แทบจะทันที และที่ผมจะเพิ่มข้อดีให้อีกข้อหนึ่งก็คือ "ใช้ทุนน้อย" เมื่อเทียบกับธุรกิจอย่างอื่น
เถ้าแก่น้อย เสี่ยตัน โออิชิ เป็นอย่างไรครับ ของกินทั้งนั้น
ถึงตรงนี้คุณคงตัดสินใจได้แล้วนะครับว่า ความฝันที่จะมีธุรกิจส่วนตัวของคุณไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว ถ้าคุณยังไม่รู้จะทำอะไร ก็ลองเริีมจากธุรกิจอาหารก็ได้ แล้วใช้มันต่อยอดไปหาความฝันอื่นๆของคุณ อย่างที่ใครหลายคนทำสำเร็จมาแล้ว
แบ่งปันประสบการณ์ เรื่องราวๆ ความรู้ไอเดีย ทุกอย่างเกี่ยวกับธุรกิจส่วนตัว สำหรับคนที่กำลังอยากมีธุรกิจส่วนตัวเป็นของตัวเอง หรือมีธุรกิจแล้วและต้องการขยายธุรกิจส่วนตัวของตนต่อไปอย่างยั่งยืน (https://www.facebook.com/Thai.SMEs.Knowledge)
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เริ่มต้นทำธุรกิจส่วนตัว แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เริ่มต้นทำธุรกิจส่วนตัว แสดงบทความทั้งหมด
วันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2556
วันเสาร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2556
ทำธุรกิจส่วนตัวอะไรดี ทำแล้วรวย ตอนที่ 2: ธุรกิจความสวยความงาม
หากท่านก็เป็นคนหนึ่งที่กำลังครุ่นคิดอยู่ทุกวันว่า จะทำธุรกิจส่วนตัวอะไรดี จะเริ่มยังไงดี ที่ทำแล้วรวย ตอนต่อๆไป ผมจะค่อยๆให้แนวคิดกับทุกท่านนะครับ ถึงข้อดี ข้อเสียของธุรกิจแต่ละประเภท ว่าธุรกิจอะไรดีที่ทำแล้วรวย
ธุรกิจความสวย ความงาม
เพราะอะไร ทำธุรกิจความสวย ความงามแล้วถึงรวย
สำหรับคุณผู้ชายหลายๆท่าน อาจจะไม่เข้าใจนะครับว่า ความสวย ความงามสำคัญมากเพียงใด สำหรับผู้หญิง (และผู้ชายหลายท่านๆ ปัจจุบันนี้) จะลองฉายภาพง่ายๆให้ฟังครับ ท่านทราบหรือเปล่าครับว่า ประชากรไทยนั้น ใช้จ่ายไปกับเครื่องสำอางค์และผลิตภัณฑ์หรือบริการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความสวยความงามไปเท่าไหร่ในแต่ละเดือนเป็นค่าเฉลี่ย ว่ากันแบบทั่วประเทศเลยนะครับ คิดดูก่อนครับ............ เฉลยคืออยู่ที่หลัก พันกว่าบาทเชียวนะครับ มากนะครับ ถ้าเทียบกับในชีวิตประจำวันของคนหาเช้ากินค่ำที่จะต้องเจียดไปจ่ายค่าอาหาร ค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำค่าไฟ ค่าชาเขียว (จริงๆนะเดี๋ยวนี้) และอื่นๆอีกมากมาย ก็ยังเจียดเงินไปจ่ายค่าเครื่องสำอางค์ได้ถึงพันกว่าบาท เยอะนะครับ เห็นหรือยังครับ คูณจำนวนประชากรไปเจ็ดสิบล้าน คร่าวๆ เดือนๆหนึ่งจะมีเงินหมุนเวียน ในธุรกิจความสวย ความงาม หลายหมื่นล้านแล้วนะครับ
เศรษฐีเกิดใหม่ ใครๆก็มาจากธุรกิจ ความสวย ความงาม
อีกประเด็นหนึ่งที่เราสังเกตได้ง่ายมากว่า ทำไมทำธุรกิจความสวย ความงาม แล้วถึงรวย
สังเกตข้อเท็จจริงง่ายๆนะครับ เศรษฐีทั้งใหม่ๆ ในประเทศไทย ที่ออกทีวี เป็นแรงบันดาลใจให้เราเห็นอยู่ทุกวันนี้ นอกจากมาจากธุรกิจอาหารแล้ว ร้อยทั้งร้อย ก็มาจากธุรกิจความสวย ความงามทั้งนั้น บางคนก็ควบ เป็นอาหารเพื่อความสวยความงามไปเลยก็ยิ่งเก๋ไปกันใหญ่ครับ ไม่ว่าจะเป็น กาแฟลดความอ้วน เนเจอร์กิฟ เครื่องดื่มเพื่อความสวยงาม ที่ภาษาัอังกฤษ เรียกว่า functional drink อย่าง Sappe ก็เหมือนกัน หรือจะเป็นเครื่องสำอางค์ SPA ส่งนอก กระชับน้องหนู แม่หนู กลูตา สารพัด ติดตลาดขึ้นมาก็รวยทั้งนั้นครับ รู้อย่างนี้แล้ว อยากจะกระโดดลงมาที่ธุรกิจความสวย ความงามกันแล้วหรือยังครับ....
ธุรกิจความสวย ความงาม ลงทุนน้อย แต่ตลาดกว้าง
อีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับ ธุรกิจ ความสวย ความงามก็คือ มีตลาดให้เล่นเยอะมากครับ คุณมองไปสิครับ ประชากรไทย ทุกประเภท ต้องเกี่ยวข้องกับความสวย ความงามทั้งนั้น ขอแค่คุณกุมหัวใจ ลูกค้าได้กลุ่มเดียว ก็รวยสบายไปทั้งชาติแล้ว คนผิวคล้ำ ก็อยากจะขาว คนอวบ ก็อยากจะอวบน้อยลง คนมีอายุ ก็อยากจะดูเด็ก ผู้ชายบางคนอยากจะดูเหมือนผู้หญิง คนรายได้น้อย อยากจะสวยเหมือนผู้ดี รายได้เยอะ วัยรุ่น อยากจะสวยใส ให้หนุ่มหลงไหล ชายหนุ่มอยากจะดูขาวล่ำ ให้สาว หรือหนุ่มด้วยกันหลง คนไทยอยากจะขาวเหมือนฝรั่ง เหมือนเกาหลี แต่ฝรั่ง อยากจะสีแทนคล้ำเหมือนคนไทย โอยเยอะแยะไปหมด บางที ธุรกิจนี้ จะอยู่คู่กับมนุษย์ไป ตราบที่เรายังมีความทะยานอยากไ่ม่รู้จักพอนั่นแหละครับ ไม่ต้องกลัวเลยว่า มันไม่ใช่ปัจจัยสี่แล้ว จะขายไม่ออก มนุษย์บางคนไม่มีจะกิน แต่ก็ยังต้องสวย เพื่อให้คนอื่นเห็นว่าดูดีเลย
ในขณะที่ตลาดของธุรกิจ ความสวย ความงาม นั้นกว้างใหญ่ไพศาล แต่การลงทุนกลับตรงกันข้าม หากคุณอยากจะมีผลิตภัณฑ์เป็นของตัวเอง คิดให้เสร็จแล้วเดินเข้าไปหา โรงงานรับทำเครื่องสำอางค์ ที่มีอยู่มากมาย ตอนนี้เลยครับ ไปคุยกับเขา ไปเสนอไอเดีย เขาพร้อมจะรับจ้างผลิต และขออนุญาตให้คุณตั้งแต่ต้นจนจบ รวยด้วยกัน ง่ายกว่า ใช้เงินน้อย เมื่อเทียบกับธุรกิจอื่นๆ (หากคุณต้องการนำเข้าเครื่องจักรกลมาขาย ก็ต้องสิบล้านอัพครับ ยกตัวอย่าง) แล้วพอแบรนด์คุณติดแล้ว ก็ค่อยๆ เพิ่มกำลังการผลิตเข้าไป ซึ่งเจ้าของสินค้าเครื่องสำอางค์แบรนด์ดังหลายแบรนด์ในประเทศไทย ปัจจุบัน ก็จ้างผลิตอย่างนี้ทั้งนั้นครับ
ผมบรรยายไปอย่างนี้ ถ้าคุณมีวิญญาณของผู้ประกอบการ สมองต้องหลั่งสารออกมาคิดแล้วนะครับ ว่าถ้าฉันจะทำธุรกิจส่วนตัว ด้านความสวย ความงาม จะเจาะกลุ่มไหน ทำอะไร และทำอย่างไร
โชคดีครับ เหล่าผู้ประกอบการและผู้ใฝ่ฝันที่จะมีธุรกิจส่วนตัวทุกท่าน
ธุรกิจความสวย ความงาม
เพราะอะไร ทำธุรกิจความสวย ความงามแล้วถึงรวย
สำหรับคุณผู้ชายหลายๆท่าน อาจจะไม่เข้าใจนะครับว่า ความสวย ความงามสำคัญมากเพียงใด สำหรับผู้หญิง (และผู้ชายหลายท่านๆ ปัจจุบันนี้) จะลองฉายภาพง่ายๆให้ฟังครับ ท่านทราบหรือเปล่าครับว่า ประชากรไทยนั้น ใช้จ่ายไปกับเครื่องสำอางค์และผลิตภัณฑ์หรือบริการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความสวยความงามไปเท่าไหร่ในแต่ละเดือนเป็นค่าเฉลี่ย ว่ากันแบบทั่วประเทศเลยนะครับ คิดดูก่อนครับ............ เฉลยคืออยู่ที่หลัก พันกว่าบาทเชียวนะครับ มากนะครับ ถ้าเทียบกับในชีวิตประจำวันของคนหาเช้ากินค่ำที่จะต้องเจียดไปจ่ายค่าอาหาร ค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำค่าไฟ ค่าชาเขียว (จริงๆนะเดี๋ยวนี้) และอื่นๆอีกมากมาย ก็ยังเจียดเงินไปจ่ายค่าเครื่องสำอางค์ได้ถึงพันกว่าบาท เยอะนะครับ เห็นหรือยังครับ คูณจำนวนประชากรไปเจ็ดสิบล้าน คร่าวๆ เดือนๆหนึ่งจะมีเงินหมุนเวียน ในธุรกิจความสวย ความงาม หลายหมื่นล้านแล้วนะครับ
เศรษฐีเกิดใหม่ ใครๆก็มาจากธุรกิจ ความสวย ความงาม
อีกประเด็นหนึ่งที่เราสังเกตได้ง่ายมากว่า ทำไมทำธุรกิจความสวย ความงาม แล้วถึงรวย
สังเกตข้อเท็จจริงง่ายๆนะครับ เศรษฐีทั้งใหม่ๆ ในประเทศไทย ที่ออกทีวี เป็นแรงบันดาลใจให้เราเห็นอยู่ทุกวันนี้ นอกจากมาจากธุรกิจอาหารแล้ว ร้อยทั้งร้อย ก็มาจากธุรกิจความสวย ความงามทั้งนั้น บางคนก็ควบ เป็นอาหารเพื่อความสวยความงามไปเลยก็ยิ่งเก๋ไปกันใหญ่ครับ ไม่ว่าจะเป็น กาแฟลดความอ้วน เนเจอร์กิฟ เครื่องดื่มเพื่อความสวยงาม ที่ภาษาัอังกฤษ เรียกว่า functional drink อย่าง Sappe ก็เหมือนกัน หรือจะเป็นเครื่องสำอางค์ SPA ส่งนอก กระชับน้องหนู แม่หนู กลูตา สารพัด ติดตลาดขึ้นมาก็รวยทั้งนั้นครับ รู้อย่างนี้แล้ว อยากจะกระโดดลงมาที่ธุรกิจความสวย ความงามกันแล้วหรือยังครับ....
ธุรกิจความสวย ความงาม ลงทุนน้อย แต่ตลาดกว้าง
อีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับ ธุรกิจ ความสวย ความงามก็คือ มีตลาดให้เล่นเยอะมากครับ คุณมองไปสิครับ ประชากรไทย ทุกประเภท ต้องเกี่ยวข้องกับความสวย ความงามทั้งนั้น ขอแค่คุณกุมหัวใจ ลูกค้าได้กลุ่มเดียว ก็รวยสบายไปทั้งชาติแล้ว คนผิวคล้ำ ก็อยากจะขาว คนอวบ ก็อยากจะอวบน้อยลง คนมีอายุ ก็อยากจะดูเด็ก ผู้ชายบางคนอยากจะดูเหมือนผู้หญิง คนรายได้น้อย อยากจะสวยเหมือนผู้ดี รายได้เยอะ วัยรุ่น อยากจะสวยใส ให้หนุ่มหลงไหล ชายหนุ่มอยากจะดูขาวล่ำ ให้สาว หรือหนุ่มด้วยกันหลง คนไทยอยากจะขาวเหมือนฝรั่ง เหมือนเกาหลี แต่ฝรั่ง อยากจะสีแทนคล้ำเหมือนคนไทย โอยเยอะแยะไปหมด บางที ธุรกิจนี้ จะอยู่คู่กับมนุษย์ไป ตราบที่เรายังมีความทะยานอยากไ่ม่รู้จักพอนั่นแหละครับ ไม่ต้องกลัวเลยว่า มันไม่ใช่ปัจจัยสี่แล้ว จะขายไม่ออก มนุษย์บางคนไม่มีจะกิน แต่ก็ยังต้องสวย เพื่อให้คนอื่นเห็นว่าดูดีเลย
ในขณะที่ตลาดของธุรกิจ ความสวย ความงาม นั้นกว้างใหญ่ไพศาล แต่การลงทุนกลับตรงกันข้าม หากคุณอยากจะมีผลิตภัณฑ์เป็นของตัวเอง คิดให้เสร็จแล้วเดินเข้าไปหา โรงงานรับทำเครื่องสำอางค์ ที่มีอยู่มากมาย ตอนนี้เลยครับ ไปคุยกับเขา ไปเสนอไอเดีย เขาพร้อมจะรับจ้างผลิต และขออนุญาตให้คุณตั้งแต่ต้นจนจบ รวยด้วยกัน ง่ายกว่า ใช้เงินน้อย เมื่อเทียบกับธุรกิจอื่นๆ (หากคุณต้องการนำเข้าเครื่องจักรกลมาขาย ก็ต้องสิบล้านอัพครับ ยกตัวอย่าง) แล้วพอแบรนด์คุณติดแล้ว ก็ค่อยๆ เพิ่มกำลังการผลิตเข้าไป ซึ่งเจ้าของสินค้าเครื่องสำอางค์แบรนด์ดังหลายแบรนด์ในประเทศไทย ปัจจุบัน ก็จ้างผลิตอย่างนี้ทั้งนั้นครับ
ผมบรรยายไปอย่างนี้ ถ้าคุณมีวิญญาณของผู้ประกอบการ สมองต้องหลั่งสารออกมาคิดแล้วนะครับ ว่าถ้าฉันจะทำธุรกิจส่วนตัว ด้านความสวย ความงาม จะเจาะกลุ่มไหน ทำอะไร และทำอย่างไร
โชคดีครับ เหล่าผู้ประกอบการและผู้ใฝ่ฝันที่จะมีธุรกิจส่วนตัวทุกท่าน
วันพฤหัสบดีที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
อยากเป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัวทำอย่างไรดี ตอนจบ
มาถึงทางเลือกในการทำธุรกิจส่วนตัวของตนเองตอนสุดท้ายนะครับ อย่าลืมไปอ่านตอนก่อนหน้านี้นะครับ จะได้ข้อมุลครบครับ
3. ทำสิ่งที่รัก -- วิธีนี้ดูเหมือนง่ายดายนะครับ แต่เชื่อไหมครับว่า ทำคนรวยมาไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่แล้ว หากคุณอยากมีธุรกิจของตนเอง แต่ไม่ได้มีพื้นฐานครอบครัวที่ร่ำรวย และไม่ได้เป็นคนหัวธุรกิจจ๋าคุณก็ไม่ต้องคิดอะไรมากครับ
เริ่มจากสิ่งที่ตัวเองรัก แล้วก็ค่อยๆทำ ค่อยๆปั้น ค่อยๆ ประคบประหงมไปเรื่อยๆ ให้มันเจริญเติบใหญ่ขึ้นเหมือนการปลูกต้นไม้ เช่น คุณอยากมีชีวิตอิสระ ไม่อยากเป็นพนักงานออฟฟิศ วันนี้จะทำอย่างไรดี คุณรู้ว่าคุณชอบทำขนม ก็เอาเลยครับ ซื้อเตามาอบ มาทำ ลองให้ญาติให้โยมกิน ปรับแต่งรสชาติอะไรใหม่ๆไปเื่รื่อยๆ เพราะหากคุณรัก คุณชอบแล้ว คุณก็สามารถอยู่กับมันและทำมันให้ดีได้นะครับ
ลองอ่านพวกกรณีศึกษา ทั้งในและต่างประเทศดูสิครับ มีจำนวนไม่น้อยเลย ที่เศรษฐีทั้งหลายทำในสิ่งที่ตนรัก ตนชอบ ชอบทำอาหาร ชอบกิน ชอบพูด ชอบค้าขาย (อันนี้ถือว่าโชคดี รวยง่าย) ชอบวาดรูป ชอบอะไรก็ได้ครับ ขอให้ไป และไปให้สุด รับประกันได้ว่า ไม่ว่าคุณจะรักอะไร ดูเหมือนไม่ทำเงินมากขนาดไหน ก็รวยได้แน่นอน คุณเคยคิดไหมครับ ว่าอาจารย์ เฉลิมชัย ทุกวันนี้มี สินทรัยพ์เท่าไหร่ ขนาดเอาเงินไปสร้างวัดเองได้ รวยไหมครับ แถมรวยอย่างมีความสุขด้วย เพราะได้ทำในสิ่งที่ตนรัก หรือย่าง ระดับโลก อันเป็นตำนาน อย่างวอเรน บัฟเฟ่ต์ ผู้โด่งดัง ผมพนันได้เลยครับว่า ให้เขามาทำธุรกิจอาหารแข่งกับเพื่อนผู้อ่านหลายๆท่าน ของผมก็สู้ไม่ได้ เพราะเขาไม่ได้รัก เขารักในการเล่นหุ้น เขาก็อยู่กับมัน ปลุกปั้นกับมัน ไปจนสุดทางได้
หากท่านกำลังคิดจะหาเริ่มทำธุรกิจส่วนตัว แล้วคิดไม่ออกว่าจะเริ่มอะไรง่ายๆเลยครับ เริ่มจากสิ่งที่ตนรักและทำได้ดี พอเริ่มแล้ว หนทางก็จะตามมาเอง ขอให้เริ่ม ขอให้เดิน และอย่าท้อ อย่าหยุดก็พอครับ
เพราะฉะนั้นตัวผมเองก็เริ่มทำธุรกิจส่วนตัว เข้าข่ายนี้ล่ะครับ เริ่มจากสิ่งที่รัก แล้วก็ค่อยๆประคบ ประหงมมันไป สิ่งสำคัญที่สุด คืออย่าเอาแต่คิดแล้วด่าคนอื่นครับ (ย้อนไปอ่านบทความที่เกี่ยวกับคนประเภทนี้ของผมได้ครับ) เริ่มทำไปเลยครับ เริ่มไปเลย เพื่อฝันการเป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัวของเรา
จบ 3 ข้อแล้วนะครับ ลองเอาไป พิจารณาปรับใช้ดู และขอให้โชคดีทุกท่านครับ
3. ทำสิ่งที่รัก -- วิธีนี้ดูเหมือนง่ายดายนะครับ แต่เชื่อไหมครับว่า ทำคนรวยมาไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่แล้ว หากคุณอยากมีธุรกิจของตนเอง แต่ไม่ได้มีพื้นฐานครอบครัวที่ร่ำรวย และไม่ได้เป็นคนหัวธุรกิจจ๋าคุณก็ไม่ต้องคิดอะไรมากครับ
เริ่มจากสิ่งที่ตัวเองรัก แล้วก็ค่อยๆทำ ค่อยๆปั้น ค่อยๆ ประคบประหงมไปเรื่อยๆ ให้มันเจริญเติบใหญ่ขึ้นเหมือนการปลูกต้นไม้ เช่น คุณอยากมีชีวิตอิสระ ไม่อยากเป็นพนักงานออฟฟิศ วันนี้จะทำอย่างไรดี คุณรู้ว่าคุณชอบทำขนม ก็เอาเลยครับ ซื้อเตามาอบ มาทำ ลองให้ญาติให้โยมกิน ปรับแต่งรสชาติอะไรใหม่ๆไปเื่รื่อยๆ เพราะหากคุณรัก คุณชอบแล้ว คุณก็สามารถอยู่กับมันและทำมันให้ดีได้นะครับ
ลองอ่านพวกกรณีศึกษา ทั้งในและต่างประเทศดูสิครับ มีจำนวนไม่น้อยเลย ที่เศรษฐีทั้งหลายทำในสิ่งที่ตนรัก ตนชอบ ชอบทำอาหาร ชอบกิน ชอบพูด ชอบค้าขาย (อันนี้ถือว่าโชคดี รวยง่าย) ชอบวาดรูป ชอบอะไรก็ได้ครับ ขอให้ไป และไปให้สุด รับประกันได้ว่า ไม่ว่าคุณจะรักอะไร ดูเหมือนไม่ทำเงินมากขนาดไหน ก็รวยได้แน่นอน คุณเคยคิดไหมครับ ว่าอาจารย์ เฉลิมชัย ทุกวันนี้มี สินทรัยพ์เท่าไหร่ ขนาดเอาเงินไปสร้างวัดเองได้ รวยไหมครับ แถมรวยอย่างมีความสุขด้วย เพราะได้ทำในสิ่งที่ตนรัก หรือย่าง ระดับโลก อันเป็นตำนาน อย่างวอเรน บัฟเฟ่ต์ ผู้โด่งดัง ผมพนันได้เลยครับว่า ให้เขามาทำธุรกิจอาหารแข่งกับเพื่อนผู้อ่านหลายๆท่าน ของผมก็สู้ไม่ได้ เพราะเขาไม่ได้รัก เขารักในการเล่นหุ้น เขาก็อยู่กับมัน ปลุกปั้นกับมัน ไปจนสุดทางได้
หากท่านกำลังคิดจะหาเริ่มทำธุรกิจส่วนตัว แล้วคิดไม่ออกว่าจะเริ่มอะไรง่ายๆเลยครับ เริ่มจากสิ่งที่ตนรักและทำได้ดี พอเริ่มแล้ว หนทางก็จะตามมาเอง ขอให้เริ่ม ขอให้เดิน และอย่าท้อ อย่าหยุดก็พอครับ
เพราะฉะนั้นตัวผมเองก็เริ่มทำธุรกิจส่วนตัว เข้าข่ายนี้ล่ะครับ เริ่มจากสิ่งที่รัก แล้วก็ค่อยๆประคบ ประหงมมันไป สิ่งสำคัญที่สุด คืออย่าเอาแต่คิดแล้วด่าคนอื่นครับ (ย้อนไปอ่านบทความที่เกี่ยวกับคนประเภทนี้ของผมได้ครับ) เริ่มทำไปเลยครับ เริ่มไปเลย เพื่อฝันการเป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัวของเรา
จบ 3 ข้อแล้วนะครับ ลองเอาไป พิจารณาปรับใช้ดู และขอให้โชคดีทุกท่านครับ
ป้ายกำกับ:
เริ่มต้นทำธุรกิจส่วนตัว
วันพุธที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
อยากเป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัวทำอย่างไรดี ตอนที่ 2
ตอนที่แล้วว่าด้วยทางเลือกในการมีธุรกิจส่วนตัวเป็นของตนเองประการแรกแล้วนะครับลองไปอ่านกันก่อนอ่านตอนนี้นะครับ ต่อนะครับ
2. สังเกตสิ่งรอบตัว -- ประการที่สองนะครับ ให้ลองสังเกตสิ่งรอบตัวดู ลองสังเกตความต้องการของสังคมรอบตัว ดู หรือลองสังเกตสิ่งที่ขาดหายไปรอบๆตัวของคุณดู อย่าคิดเด็ดขาดครับว่า มนุษย์มีทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว ไม่เห็นจะขาดอะไร หากคุณมีทัศคติอย่างนี้ เลิกคิดไปเลยครับ ที่จะมีธุรกิจส่วนตัวของตนเอง กลับไปทำงานบริษัทไปวันๆดีกว่า โลกนี้ไม่มี และจะไม่มีอะไร Perfect ครับ ทุกอย่างต้องการอะไรใหม่ๆและการพัฒนาอยู่เสมอ
ตัวอย่างคุณตัน โออิชิ ที่ทำร้าน บุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่น หรือ wedding studio ในแบบที่ยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน วันนี้เป็นอย่างไรครับ หรือแม้แต่ MK ที่นำสุกี้หม้อไฟฟ้าเข้ามา เพื่อความปลอดภัยจากการใช้แก๊ส
หรือแม้แต่บริการ เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ ตามชั้นล่างคอนโด ก็เกิดจากการตอบโจทย์คนเมืองสมัยใหม่ทุกสิ่ง ทุกอย่างล้วนเกิดจากความช่างสังเกตทั้งนั้น ขออย่างเดียวครับ คิดได้ แล้วต้องลองทำครับ ในครั้งแรกอาจจะต้องลองทำดูก่อน โดยยังไม่ต้องลาออกจากงานนะครับ แต่หากมันเวิร์คจริงๆแล้วค่อยตัดสินใจลาออกอย่างรอบคอบ
ในยุคนี้สมัยนี้ ที่การแข่งขันสูงขนาดนี้ หากคุณไม่เริ่มทำอะไรใหม่ๆ ทำอะไรแบบเดิมๆ แนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จนั้นยากจริงๆครับ ยิ่งถ้าไม่มีเงินถุง เงินถังแล้ว ยิ่งต้องใช้สมองและความพยายามให้มากครับ ยกตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการขายอาหาร คุณก็ทำแค่ไปซื้อเตาอบขนมมา อบขนมขาย แล้วเดินไปตระเวณขาย อันนี้ก็เป็นไปได้ครับ แต่ประสบความสำเร็จยากจริงๆ เพราะมีคนทำเหมือนคุณอีกประมาณ 3 พันกว่าราย อย่างมากคุณก็อาจอยู่ได้ไปเรื่อยๆ ไม่ใช่เป้าหมายของการเป็นเจ้าของธุรกิจแต่คือเป้าหมายของการหลีกหนีจากการเป็นพนักงานบริษัท เพราะเบื่อหน่ายชีวิตในกรอบมากกว่า ซึ่งไม่เหมือนกันนะครับ
แต่หากคุณสังเกตสิ่งรอบข้างทำขนมอะไรสักอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน หรือมีวิธีการในการจัดส่ง ตกแต่งอะไรที่แปลกๆใหม่ๆ โดยสังเกตจากสิ่งที่เขาทำกันอยู่เดิมๆ ธุรกิจส่วนตัวของคุณย่อมมีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จมากกว่า ลุยถั่วไปเรื่อยๆนะครับ
หากคุณไม่ใช่คนช่างสังเกตสังกา ช่างคิด ช่างหาข้อมูลแล้ว คุณอาจไม่เหมาะนะครับ ที่จะริเริ่มธุรกิจใหม่ๆ ด้วยวิธีที่สองนี้
ตอนหน้าขอเสนอหนทางการเริ่มธุรกิจใหม่ตอนสุดท้ายนะครับ
2. สังเกตสิ่งรอบตัว -- ประการที่สองนะครับ ให้ลองสังเกตสิ่งรอบตัวดู ลองสังเกตความต้องการของสังคมรอบตัว ดู หรือลองสังเกตสิ่งที่ขาดหายไปรอบๆตัวของคุณดู อย่าคิดเด็ดขาดครับว่า มนุษย์มีทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว ไม่เห็นจะขาดอะไร หากคุณมีทัศคติอย่างนี้ เลิกคิดไปเลยครับ ที่จะมีธุรกิจส่วนตัวของตนเอง กลับไปทำงานบริษัทไปวันๆดีกว่า โลกนี้ไม่มี และจะไม่มีอะไร Perfect ครับ ทุกอย่างต้องการอะไรใหม่ๆและการพัฒนาอยู่เสมอ
ตัวอย่างคุณตัน โออิชิ ที่ทำร้าน บุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่น หรือ wedding studio ในแบบที่ยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน วันนี้เป็นอย่างไรครับ หรือแม้แต่ MK ที่นำสุกี้หม้อไฟฟ้าเข้ามา เพื่อความปลอดภัยจากการใช้แก๊ส
หรือแม้แต่บริการ เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ ตามชั้นล่างคอนโด ก็เกิดจากการตอบโจทย์คนเมืองสมัยใหม่ทุกสิ่ง ทุกอย่างล้วนเกิดจากความช่างสังเกตทั้งนั้น ขออย่างเดียวครับ คิดได้ แล้วต้องลองทำครับ ในครั้งแรกอาจจะต้องลองทำดูก่อน โดยยังไม่ต้องลาออกจากงานนะครับ แต่หากมันเวิร์คจริงๆแล้วค่อยตัดสินใจลาออกอย่างรอบคอบ
ในยุคนี้สมัยนี้ ที่การแข่งขันสูงขนาดนี้ หากคุณไม่เริ่มทำอะไรใหม่ๆ ทำอะไรแบบเดิมๆ แนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จนั้นยากจริงๆครับ ยิ่งถ้าไม่มีเงินถุง เงินถังแล้ว ยิ่งต้องใช้สมองและความพยายามให้มากครับ ยกตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการขายอาหาร คุณก็ทำแค่ไปซื้อเตาอบขนมมา อบขนมขาย แล้วเดินไปตระเวณขาย อันนี้ก็เป็นไปได้ครับ แต่ประสบความสำเร็จยากจริงๆ เพราะมีคนทำเหมือนคุณอีกประมาณ 3 พันกว่าราย อย่างมากคุณก็อาจอยู่ได้ไปเรื่อยๆ ไม่ใช่เป้าหมายของการเป็นเจ้าของธุรกิจแต่คือเป้าหมายของการหลีกหนีจากการเป็นพนักงานบริษัท เพราะเบื่อหน่ายชีวิตในกรอบมากกว่า ซึ่งไม่เหมือนกันนะครับ
แต่หากคุณสังเกตสิ่งรอบข้างทำขนมอะไรสักอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน หรือมีวิธีการในการจัดส่ง ตกแต่งอะไรที่แปลกๆใหม่ๆ โดยสังเกตจากสิ่งที่เขาทำกันอยู่เดิมๆ ธุรกิจส่วนตัวของคุณย่อมมีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จมากกว่า ลุยถั่วไปเรื่อยๆนะครับ
หากคุณไม่ใช่คนช่างสังเกตสังกา ช่างคิด ช่างหาข้อมูลแล้ว คุณอาจไม่เหมาะนะครับ ที่จะริเริ่มธุรกิจใหม่ๆ ด้วยวิธีที่สองนี้
ตอนหน้าขอเสนอหนทางการเริ่มธุรกิจใหม่ตอนสุดท้ายนะครับ
ป้ายกำกับ:
เริ่มต้นทำธุรกิจส่วนตัว
วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
อยากเป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัวทำอย่างไรดี ตอนที่ 1
คำถามยอดฮิตประการหนึ่งในหมู่พนักงานประจำหรือคนที่อยากมีธุรกิจส่วนตัวเป็นของตนเองก็คือ เป็นพนักงานประจำอยู่และอยากจะเป็นเจ้าของธุรกิจจะทำอย่างไรดี หรือมีเงินทุนก้อนหนึ่งจะทำอะไรดี อันนี้ผมมีทางเลือกอยู่สามประการให้นะครับ ส่วนมากคนที่เริ่มธุรกิจจะเริ่มจากเหตุผล สามประการเหล่านี้เสมอ ในฐานะที่เป็นพนักงานประจำมาก่อน และสร้างธุรกิจขึ้นมาด้วยตัวเปล่าเล่าเปลือย จึงคิดว่าผมทราบความคิดความอ่านของเหล่าพนักงานประจำอยู่บ้าง
1. ต่อยอดธุรกิจที่่บ้าน -- อันนี้คงไม่ได้ทุกคนนะครับ อย่างน้อยผมก็คนหนึ่งล่ะที่เลือกข้อนี้ไม่ได้ แต่ที่แปลกก็คือบางคนสามารถเลือกเดินในทางนี้ได้ กลับไม่เลือกครับ ทั้งที่อยากมีธุรกิจส่วนตัวเป็นของตนเอง และที่บ้านมีธุรกิจอยู่แล้ว ผมขอสนับสนุนอย่างแข็งขันนะครับ
สำหรับท่านที่ ที่้บ้านมีธุรกิจให้กลับไปต่อยอด ธุรกิจที่บ้านครับ ไม่ว่าจะเล็กจะดูไม่เจ๋ง ไม่คูลอย่างไร แต่เชื่อผมเถิดครับว่า ทุกธุรกิจในโลกนี้ หากมีหัวคิดแล้วทำให้ใหญ่ได้ และเชื่อผมอีกประการหนึ่งเถิดครับว่า การต่อยอดธุรกิจที่บ้านนั้น มันเหน็ดเหนื่อยน้อยกว่า เริ่มทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตนเองมากโขอยู่ ไม่ต้องมีทิฐิอยากสร้างทุกอย่างจากมือตนเองนะครับเพราะหากคุณทำธุรกิจที่บ้านให้ใหญ่โตได้นั้น คุณจะเป็นความภูมิใจของพ่อ แม่และวงศ์ตระกูล และคนอื่นๆที่ได้รู้จักอีกมากมาย
ผมยกตัวอย่าง ด๊อกเตอร์ ท่านหนึ่งที่ตัดสินใจไม่ทำอาชีพของตนเองมาขยายธุรกิจขายลูกชิ้นของที่บ้าน จนปัจจุบันเป็น franchise ก๋วยเตี๊ยวที่ใหญ่มากแห่งหนึ่ง ผมจำชื่อได้ไม่แน่นอนเลยไม่ขอเอ่ยนามที่นี่นะครับแต่น่าจะเป็นหลายร้อนล้าน ซึ่งถ้าเทียบไปแล้วคงจะดีกว่าการที่ท่านไปทำงานเป็นผู้บริหารบริษัทใดๆก็ตามในประเทศไทย แถมยังได้แผ่กิ่งก้านสาขา สร้างงานให้ลูก ให้หลานสบายไปชั่วลูกชั่วหลานได้อีก
เพราะฉะนั้นหากคุณอยากจะเริ่มทำธุรกิจส่วนตัว หรืออยากจะมีธุรกิจเป็นของตนเอง จงเริ่มจากการกลับไปที่บ้านที่ครอบครัว และญาติมิตรที่สนิท (หรือเพื่อนฝูงก็ได้ในบางโอกาสนะครับ) ว่าใครทำธุรกิจส่วนตัวอะไรอยู่และต้องการคนมาต่อยอด ต้องการคนมาหุ้น มาสืบทอด อย่าลังเลที่จะเข้าไปศึกษาและขยายเลยครับ จะได้ไม่ต้องไปเริ่มจากศูนย์สนิท เชื่อผมเถิดครับว่า ถ้ามีอยู่ที่บ้านแล้ว ทำไปเถิด เพราะเริ่มเองมันลำบากยากข้นเข็ญจริงๆ
ตอนต่อไป จะมาว่ากันถึงทางเลือกประการที่สอง ในการเริ่มธุรกิจเป็นของตนเองนะครับ
1. ต่อยอดธุรกิจที่่บ้าน -- อันนี้คงไม่ได้ทุกคนนะครับ อย่างน้อยผมก็คนหนึ่งล่ะที่เลือกข้อนี้ไม่ได้ แต่ที่แปลกก็คือบางคนสามารถเลือกเดินในทางนี้ได้ กลับไม่เลือกครับ ทั้งที่อยากมีธุรกิจส่วนตัวเป็นของตนเอง และที่บ้านมีธุรกิจอยู่แล้ว ผมขอสนับสนุนอย่างแข็งขันนะครับ
สำหรับท่านที่ ที่้บ้านมีธุรกิจให้กลับไปต่อยอด ธุรกิจที่บ้านครับ ไม่ว่าจะเล็กจะดูไม่เจ๋ง ไม่คูลอย่างไร แต่เชื่อผมเถิดครับว่า ทุกธุรกิจในโลกนี้ หากมีหัวคิดแล้วทำให้ใหญ่ได้ และเชื่อผมอีกประการหนึ่งเถิดครับว่า การต่อยอดธุรกิจที่บ้านนั้น มันเหน็ดเหนื่อยน้อยกว่า เริ่มทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตนเองมากโขอยู่ ไม่ต้องมีทิฐิอยากสร้างทุกอย่างจากมือตนเองนะครับเพราะหากคุณทำธุรกิจที่บ้านให้ใหญ่โตได้นั้น คุณจะเป็นความภูมิใจของพ่อ แม่และวงศ์ตระกูล และคนอื่นๆที่ได้รู้จักอีกมากมาย
ผมยกตัวอย่าง ด๊อกเตอร์ ท่านหนึ่งที่ตัดสินใจไม่ทำอาชีพของตนเองมาขยายธุรกิจขายลูกชิ้นของที่บ้าน จนปัจจุบันเป็น franchise ก๋วยเตี๊ยวที่ใหญ่มากแห่งหนึ่ง ผมจำชื่อได้ไม่แน่นอนเลยไม่ขอเอ่ยนามที่นี่นะครับแต่น่าจะเป็นหลายร้อนล้าน ซึ่งถ้าเทียบไปแล้วคงจะดีกว่าการที่ท่านไปทำงานเป็นผู้บริหารบริษัทใดๆก็ตามในประเทศไทย แถมยังได้แผ่กิ่งก้านสาขา สร้างงานให้ลูก ให้หลานสบายไปชั่วลูกชั่วหลานได้อีก
เพราะฉะนั้นหากคุณอยากจะเริ่มทำธุรกิจส่วนตัว หรืออยากจะมีธุรกิจเป็นของตนเอง จงเริ่มจากการกลับไปที่บ้านที่ครอบครัว และญาติมิตรที่สนิท (หรือเพื่อนฝูงก็ได้ในบางโอกาสนะครับ) ว่าใครทำธุรกิจส่วนตัวอะไรอยู่และต้องการคนมาต่อยอด ต้องการคนมาหุ้น มาสืบทอด อย่าลังเลที่จะเข้าไปศึกษาและขยายเลยครับ จะได้ไม่ต้องไปเริ่มจากศูนย์สนิท เชื่อผมเถิดครับว่า ถ้ามีอยู่ที่บ้านแล้ว ทำไปเถิด เพราะเริ่มเองมันลำบากยากข้นเข็ญจริงๆ
ตอนต่อไป จะมาว่ากันถึงทางเลือกประการที่สอง ในการเริ่มธุรกิจเป็นของตนเองนะครับ
ป้ายกำกับ:
เริ่มต้นทำธุรกิจส่วนตัว
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)